|
||
การศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโคมลอย (1) โคมลอย คือ ความหมายของ “โคมลอย” ที่ทราบมาพบเห็นอยู่สองความหมาย โคมลอย หมายถึงประทีปที่จุดไฟแล้ววางบนกระทงและปล่อยให้ลอยไปตามสายน้ำ โคมลอย ที่มีลักษณะเป็นลูกโป่งขนาดใหญ่ทำด้วยกระดาษบางเบาที่ปล่อยให้ลอยไปบนฟากฟ้าโดยใช้ควันไฟ ในแง่ของโคมที่ลอยบนฟ้านั้นพบในหนังสืออักขราภิธานศัพท์ Dictionary of the Siamese Language by Dr.B.Bradley Bangkok 1873 หรือพจนานุกรมภาษาสยามที่ ดร.แดน บีช แบรดเลย์ จัดพิมพ์ขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๑๖ โดยกล่าวไว้ว่า “โคมลอย” คือประทีปมีเครื่องสำหรับจุดไฟในนั้นให้สว่างแล้วควันไฟก็กลุ้ม อบอยู่ภายในโคมนั้นและพาโคมให้ลอยขึ้นไปได้บนอากาศ สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ใน พระราชพิธีสิบสองเดือน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อปีชวด พ.ศ. 2431 นั้น มีข้อความส่วนที่ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงพระนิพนธ์อธิบายศัพท์แผลงว่า “โคมลอย” มีความหมายเดียวกับ “โพยมยาน” และโพยมยาน แปลมาจาก air ship คือยานที่ลอยไปในอากาศได้โดยใช้อากาศร้อนหรือแก๊สที่เบากว่าอากาศยกเอายานนั้นลอยไปได้ แต่เมื่อเทียบกับคำแปลของ หมอแบรดเลย์ แล้ว “โพยมยาน”ในที่นี้น่าจะหมายถึง balloon มากกว่า ยิ่งในคำอธิบายในหน้า ๖๔๓ ที่ว่า “โคมลอย” ในที่นี้ “…มาแต่หนังสือพิมพ์ตลกของอังกฤษที่ชื่อว่า ฟัน(Fun-ผู้เขียน) ที่ใช้รูปโคมลอยอยู่หลังใบปก หนังสือพิมพ์นั้นเล่นตลกเหลวไหลไม่ขบขันเหมือนหนังสือพิมพ์ตลกอย่างอื่น คือ ปันช เป็นต้น จึงเกิดคำติกัน เมื่อใครเห็นเล่นตลกไม่ขบขัน จึงว่าราวกับหนังสือพิมพ์ฟัน บ้างว่าเป็นโคมลอย (เครื่องหมายของหนังสือนั้น) บ้างจะพูดให้สั้นจึงคงไว้แต่”โคม”…” จากประเด็นดังกล่าวนี้ “โคมลอย”ตามนัยของพระราชพิธี ๑๒ เดือน กับนัยของหนังสืออักขราภิธานศรัพท์แม้จะดูเหมือนว่าไม่ตรงกัน แต่ก็พอจะอธิบายให้เห็นได้ว่าเป็นวัตถุทรงกลมที่อาศัยความร้อนที่กักไว้ภายในพยุงให้ลอยไปในอากาศได้ ชนิดของโคมลอย "โคมลอย" สามารถจำแนกออกได้เป็น 2 แบบตามลักษณะการใช้งานคือ 1. โคมลอยที่ใช้ปล่อยในเวลากลางวัน โคมลอยชนิดนี้จะอาศัยหลักการการลอยตัวของควันไฟในเวลากลางวัน โดยใช้วิธีการรมควันให้ควันไฟเข้าไปรวมกันอยู่ภายในตัวโคมลอยจนเต็มที่จากนั้นจำนวนควันไฟที่อัดแน่นอยู่ภายในตัวโคมลอยจะช่วยพยุงให้ตัวโคมลอยสามารถลอยพุ่งขึ้นสู่บนท้องฟ้าได้ 2. โคมลอยที่ใช้ปล่อยในเวลากลางคืน โคมลอยชนิดนี้ปัจจุบันเป็นที่นิยมปล่อยกันมากและมีความนิยมสูงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเมื่อโคมลอยลอยพุ่งขึ้นสู่บนท้องฟ้าในเวลากลางคืนแสงไฟที่จุดตรงใส้โคมลอยจะสามารถมองเห็นได้อย่างเด่นชัดและเกิดความสวยงาม หลักการลอยตัวของโคมลอยชนิดปล่อยกลางคืนนี้ใช้ความร้อนจากไฟที่ลุกไหม้ของไส้โคมที่ติดอยู่ตรงฐานล่างของโคมลอย เป็นแรงขับให้ตัวโคมลอยสามารถลอยพุ่งขึ้นสู่บนท้องฟ้าได้ ชื่อเรียก "โคมลอย" "โกมลอย" โคมลอยมีชื่อเรียกในภาษาทางท้องถิ่นในภาคเหนือเรียกว่า "โกมลอย" ซื่งคำว่า "โกม" เป็นภาษาท้องถิ่นของทางภาคเหนือตรงกับคำว่า "โคม" นั่นเอง "โคมลม"“ว่าวฅวัน”หรือ"ว่าวข้าวกล่อง" ในบางท้องถิ่นเรียกโคมลอยเป็นว่าวชนิดหนึ่งเพราะโคมลอยทำมาจากกระดาษว่าว และมักนิยมเรียกโคมลอยชนิดที่ปล่อยในเวลากลางวันว่า "ว่าวข้าวกล่อง" เพราะมีรูปทรงสี่เหลี่ยมเวลาลอยอยู่บนท้องฟ้าเวลากลางวันมีลักษณะคล้ายกันกับ "ข้าวกล่อง"หรือ"กล่องข้าว"ที่คนสมัยก่อนนิยมใช้ใบตาลแห้งมาจักเป็นเส้นแล้วสานเป็นกล่องข้าวไว้สำหรับบรรจุข้าวเหนียวหรือข้าวที่นึ่งสุกเก็บไว้กินเพราะใบตาลมีลักษณะพิเศษที่ใบมีความมันวาวและลื่นไม่ติดกับข้าวเหนียว "โกมไฟ"หรือ "ว่าวไฟ" ใช้เป็นชื่อเรียกโคมลอยชนิดที่ปล่อยในเวลากลางคืน ที่เรียก “ว่าวไฟ” ว่าเป็น ”โคมลอย” นั้นเรียกมาแต่สมัยหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อทหารไทยมาประจำการในล้านนาทางภาคเหนือ พอเห็น “ว่าวฅวัน” หรือ “ว่าวไฟ” ลอยขึ้นฟ้า ก็เรียกว่าสิ่งนั้นคือ ”โคมลอย” ประวัติโคมลอย |
|
Online: 1 | Visits: 73,389 | Today: 3 | PageView/Month: 136 |